Hi-Balanz Reishi Extract (RE-30)
Hi-Balanz Reishi Extract 30 Capsules/กล่อง
- สกัดจากเห็ดหลินจือ
- บำรุงสุขภาพ
- ทำให้สุขภาพแข็งแรง
- ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง
- ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น
- ทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมได้ง่ายขึ้น
Hi-Balanz Reishi Extract 30 Capsules
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากเห็ดหลินจือ 30 แคปซูล
- (1 แคปซูล เท่ากับการรับประทานเห็ดหลินจือ 1.5 กรัม)
- Reishi Extract 30 Capsules ขนาด 300 mg.
- ให้สารโพลีแซกคาไรด์ Polysaccharides มากกว่า 30 % หรือมากกว่า 90 มิลลิกรัม/แคปซูล
- และสารไตรเทอร์ปินนอยด์ Triterpenoids มากกว่า 3% หรือมากกว่า 9 มิลลิกรัม/แคปซูล
Reishi Extract สารสกัดจากเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรในวงการแพทย์แผนจีนเกือบ 30% ของยาสมุนไพรจีนจะต้องมีเห็ดหลินจือเป็นส่วนผสม สาร “Ganoderma Polysaccharide” ในเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติโดดเด่นต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนระบบการทำงานของตับและไต ซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ พบว่าเห็ดหลินจือสีแดง มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุดในบรรดาเห็ดหลินจือทั้งหมด เห็ดหลินจือเป็นยาจีนโบราณมานานนับพันปี จัดเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ สรรพคุณอื่นๆ ได้แก่ ต้านมะเร็ง รักษาโรคของตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย ช่วยย่อย รักษาหลอดลมอักเสบ โรคปอด และโรคข้ออักเสบ เห็ดหลินจือเป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน ชาวจีนโบราณต่างยกย่องเห็ดหลินจืออย่างเหนือชั้น ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน นอกจากจะมีสรรพคุณเหนือชั้นกว่าแล้วยังปลอดภัยไม่มีพิษใดๆ ต่อร่างกาย ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์ หากจะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้นก็ต้องบอกว่า เห็ดหลินจือแดง สามารถฟื้นฟูอาการป่วยได้หลายโรค ซึ่งในเชิงเภสัชวิทยา เห็ดหลินจือแดงออกฤทธิ์ต่อ 5 ระบบ คือ
- ระบบภูมิต้านทาน มีการศึกษาพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยืดเวลาเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง
- ระบบหลอดเลือด เห็ดหลินจือแดง มีผลต่อช่วยขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว มีผลช่วยลดการเกาะตัวของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด ส่งผลให้ช่วยชะลอความแก่ไม่เพียงแต่ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่ชะลอการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจากสารสำคัญที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือแดง เช่น Sterols, Ganoderic Acid ที่มีอยู่เฉพาะในเห็ดหลินจือแดงเท่านั้น
- ระบบประสาท เห็ดหลินจือแดงจัดเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองสูงถึง 1.5 เท่า
- ระบบต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ต่อมหมวกไต ต่อมลูกหมาก และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน พบว่าเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ เกิดความสมดุล เช่น ผู้เป็นเบาหวานเมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแดงจะมีสภาวะของร่างกายดีขึ้น ลดอัตราความรุนแรงของสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของน้ำตาล เป็นต้น ที่สำคัญเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะที่หลับ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ หรือฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่เราได้
- ระบบล้างสารพิษ หรือขับสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งอวัยวะที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือ ตับ โดยเห็ดหลินจือแดงจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับ ในการทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังขับกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็งและสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยการขับออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ และทางเหงื่อ เป็นต้น ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
ปริมาณเห็ดหลินจือที่แนะนำในการรับประทาน
- เพื่อบำรุงสุขภาพ ใช้เห็ดหลินจือแห้งวันละไม่เกิน 6 กรัม/วัน หรือเห็ดหลินจือสกัดวันละ 0.01-0.5 กรัม / วัน (เท่ากับการรับประทาน Hi-Balanz Reishi Extract วันละ 1 แคปซูลหลังอาหาร)
- เพื่อบำบัดโรคทั่วไป ใช้เห็ดหลินจือแห้งวันละ 3-6 กรัม/วัน หรือเห็ดหลินจือสกัดวันละ 0.5-2 กรัม/วัน (เท่ากับการรับประทาน Hi-Balanz Reishi Extract วันละ 2-4 แคปซูลหลังอาหาร)
- เพื่อบำบัดโรคร้ายแรง ใช้เห็ดหลินจือแห้งวันละ 9-15 กรัม/วัน หรือเห็ดหลินจือสกัดวันละ 2 กรัม/วัน (เท่ากับการรับประทาน Hi-Balanz Reishi Extract วันละ 6-10 แคปซูลหลังอาหาร)
การล้างสารพิษ ของเห็ดหลินจือ (Reishi Extract Detoxification) ความเด่นของเห็ดหลินจือ คือ การล้างพิษ สารสำคัญต่างๆ ในเห็ดหลินจือจะกระจายไปทั่วร่างกาย เพื่อขับไล่พิษ สารพิษ สารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่น กรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายด้วยการขับออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางปัสสาวะอุจจาระ ทางเหงื่อ เป็นต้น กระบวนการล้างพิษของหลินจือ อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบ ไปทั้งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ มักจะเกิดตั้งแต่เริ่ม รับประทานหลินจือ เกิดอยู่นาน 3-4 วัน เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำให้ท่านเข้าใจผิดว่าหลินจือมีผลข้างเคียงหรือมีอาการอันไม่พึงประสงค์แก่ร่างกาย ไม่เป็นผลดีแก่ร่างกาย หากท่านเข้าใจเช่นนั้นก็จะหยุดรับประทาน และเป็นที่น่าเสียดายที่ท่านได้พลาดโอกาสอันสำคัญที่จะรู้จักสมุนไพรอันมหัศจรรย์ชนิดนี้เพราะอาการต่าง ๆ เหล่านี้ จะหายไปเองภายในเวลาประมาณ 2 อาทิตย์หลังจากที่ทานหลินจือติดต่อกันหรือเมื่อหลินจือขับพิษออกจากร่างกายจนร่างกายเริ่มฟื้นฟู และสามารถปรับสภาพในการรับสมุนไพรเข้า สู่ร่างกายได้แล้ว ดังนั้นผู้รับประทานหลินจือ จึงไม่ควรตกใจและต้องทำความเข้าใจว่าอาการต่างๆที่เกิดขึ้นว่ามิใช่อาการแพ้หรือผลข้างเคียง (Side Effect) ของหลินจือ ไม่ควรหยุดรับประทาน แต่ควรที่จะดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันอยู่ไม่ควรหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานหลินจือหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ช.ม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน"
16 อาการบ่งบอกโรคเมื่อเริ่มทานเห็ดหลินจือ
- มีอาการปวดกลาง ศรีษะ ถึงท้ายทอย ร่วมกับอาการมึน,ความดันต่ำ ขาดสารอาหาร ระบบเลือดหล่อเลี้ยงสมองไม่ดี
- ปวดขมับ มึนท้ายทอย อาจมีเพียง อาการเดียว หรือทั้ง 2 อาการพร้อมกัน, ความดันสูง
- มึนทั้งหัว พร้อมกับเวียนหัวด้วย, ความดันสูงมีไขมันในเส้นเลือดสูง
- มีขี้ตาออกเป็นก้อน, สภาวะตับเสื่อม ทำงานขับพิษได้ไม่ดี
- น้ำตาไหล เจ็บไหล่ซ้ายมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย, สภาวะปอดเสื่อม ระบบหายใจไม่ดี
- ปวดไหล่ขวา มีขี้ตาออก, สภาวะปอดเสื่อม
- น้ำมูกใส ๆ ไหลตลอดประมาณ 3-5 วัน, เป็นภูมิแพ้, โรคไซนัส, ทางเดินหายใจอักเสบ
- เสมหะมาก คอแห้งผาก, ระบบหลอดลม, ทางเดินหายใจ มีความสกปรก อุดตัน
- หายใจถี่มาก ใจสั่น, มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- จุกเสียดลิ้นปี่ หน้าอก, กระเพาะอาหาร, ลำไส้เล็กอักเสบ ระบบดูดซึมไม่ดี
- จุกด้านหลัง, ท้องอืด, อึดอัด - ริดสีดวงทวาร การทำงานของระบบขับถ่ายและลำไส้ใหญ่ไม่ดี
- ปวดเอว - เป็นโรคไต, ระบบขับถ่ายของเสียไม่ดี
- ปวดหัวเหน่า - มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากเสื่อม
- ปวดสะโพก เข่า ข้อเท้า อย่างมาก - สภาวะกรดยูริคสูง โรคเก๊าท์
- ปวดข้อส่วนบน หรือข้อนิ้ว โรครูมาตอยท์
- ปวดร้อนร่างกายท่อนบน ร้อนตัววูบวาบ ระบบหมุนเวียนของโลหิตไม่ดี
อย. เลขที่ 10-1-04741-1-0807วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร