Super Mario Odyssey: การผจญภัยครั้งใหม่ของมาริโอที่เต็มไปด้วยความสนุกและความคิดสร้างสรรค์บน Nintendo Switch
เจาะลึกรีวิว Super Mario Odyssey เกมผจญภัยสุดสร้างสรรค์บน Nintendo Switch สัมผัสการเล่นที่แปลกใหม่ด้วยหมวก Cappy และการเดินทางข้ามโลกสุดอลังการ
หากคุณกำลังมองหาเกมผจญภัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ความท้าทาย และความสนุกสนานที่หาที่เปรียบไม่ได้บนเครื่อง Nintendo Switch คงไม่มีชื่อไหนจะโดดเด่นไปกว่า Super Mario Odyssey อีกแล้ว เกมนี้ไม่ใช่แค่การผจญภัยตามแบบฉบับมาริโอที่เราคุ้นเคย แต่เป็นการปฏิวัติรูปแบบการเล่นครั้งสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นทุกคนต้องทึ่งไปกับการนำเสนอโลกที่กว้างใหญ่และกลไกการเล่นที่แปลกใหม่ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าทำไมเกมนี้ถึงกลายเป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซของซีรีส์มาริโอและเป็นสิ่งที่แฟนเกมไม่ควรพลาด
สินค้าที่เกี่ยวกับบทความนี้
ไม่พบข้อมูลสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลเชิงเทคนิค
| แพลตฟอร์ม | Nintendo Switch |
| ผู้พัฒนา | Nintendo EPD |
| ผู้จัดจำหน่าย | Nintendo |
| แนวเกม | Action-Adventure, Platformer |
| ปีที่วางจำหน่าย | 2017 |
ประสิทธิภาพของ Super Mario Odyssey บน Nintendo Switch นั้นยอดเยี่ยมอย่างน่าประทับใจ เกมนี้สามารถรันได้อย่างเสถียรที่ความละเอียด 1080p เมื่อเล่นบน Dock และ 720p เมื่อเล่นในโหมดพกพา โดยมีอัตราเฟรมเรตคงที่ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเกมแพลตฟอร์มที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุม ประสบการณ์การเล่นจึงลื่นไหลและตอบสนองได้ทันท่วงที ไม่ว่าคุณจะใช้ Joy-Con, Pro Controller หรือแม้แต่การใช้ระบบจับความเคลื่อนไหว (Motion Controls) เพื่อขว้างหมวก Cappy ทุกการเคลื่อนไหวก็ทำได้อย่างเที่ยงตรงและสนุกสนาน
เหมาะกับใคร?
ต้องบอกเลยว่า Super Mario Odyssey ถูกออกแบบมาให้เป็นเกมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน แต่มีมิติความลึกที่รอให้ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสำรวจค้นพบ สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ เกมนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม เพราะมีระบบการช่วยเหลือและรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่าย เรียนรู้กลไกการใช้หมวก Cappy ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับแฟนเกมมาริโอตัวยง เกมนี้ก็มอบความท้าทายในการตามล่าหา Power Moons ที่ซ่อนอยู่นับร้อยดวงในแต่ละอาณาจักร ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบด่านและการนำเสนอความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการเดินทาง ทำให้เกมนี้ดึงดูดผู้เล่นที่ต้องการความสดใหม่และประสบการณ์การเล่นที่น่าตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง
จุดที่น่าสนใจ & สิ่งที่ควรรู้
อะไรที่ว่าเวิร์ก
- กลไกการเล่น 'Capture' ด้วยหมวก Cappy ที่สร้างความหลากหลายและแปลกใหม่ในการควบคุมศัตรูและวัตถุ
- การออกแบบอาณาจักร (Kingdoms) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงและมีขนาดใหญ่กว่าเกมภาคก่อนๆ
- ความอิสระในการสำรวจสูงมาก (Sandbox-style gameplay) ที่กระตุ้นให้ผู้เล่นค้นหาสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
- เพลงประกอบที่ไพเราะและเข้ากับบรรยากาศของแต่ละอาณาจักรได้อย่างลงตัว
- ความสนุกสนานที่ยาวนาน แม้จะจบเนื้อเรื่องหลักแล้วก็ยังมี Moon ให้ตามหาอีกมาก
จุดที่อยากให้รู้ไว้ก่อน
- การใช้ Motion Control เพื่อใช้ท่าพิเศษบางอย่างอาจทำได้ไม่สะดวกนักเมื่อเล่นในโหมดพกพา
- ความท้าทายในการเก็บ Power Moons อาจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเกม 3D Mario ภาคคลาสสิกอย่าง Super Mario Sunshine
- การออกแบบโลกบางครั้งอาจทำให้ผู้เล่นรู้สึก 'หลงทาง' ได้ง่ายหากไม่ใส่ใจการสำรวจอย่างละเอียด
เปรียบเทียบกับรุ่นอื่น
เมื่อเทียบกับเกม 3D Mario ภาคก่อนหน้าอย่าง Super Mario Galaxy หรือ Super Mario 64, Super Mario Odyssey ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากการเป็นเกมที่เน้นการทำภารกิจในด่านปิด (Linear Stage-based) ไปสู่รูปแบบ 'Sand box' ที่เปิดกว้างคล้ายกับ Super Mario Sunshine อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ Odyssey เหนือกว่าคือกลไกของ Cappy ที่เป็นหัวใจสำคัญของการแปลงร่างและควบคุมสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่มีในภาคก่อนๆ ทำให้การแก้ปัญหาและการเดินทางมีความยืดหยุ่นและสร้างสรรค์กว่ามาก ในขณะที่เกมอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild เน้นการเอาตัวรอดและการไขปริศนาฟิสิกส์ Odyssey จะเน้นไปที่ความสนุกของการเคลื่อนไหวและการปรับตัวเข้ากับร่างที่ถูก 'Capture' ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
สรุปและคำแนะนำ
Super Mario Odyssey ไม่ได้เป็นเพียงเกมผจญภัยที่ดีที่สุดเกมหนึ่งบน Nintendo Switch เท่านั้น แต่มันคือการประกาศศักดาว่าซีรีส์มาริโอสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การผสมผสานระหว่างการสำรวจโลกที่เปิดกว้าง การควบคุมที่ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม และกลไก Cappy ที่น่าทึ่ง ทำให้เกมนี้นำเสนอประสบการณ์ที่สดใหม่จนถึงนาทีสุดท้าย หากคุณเป็นเจ้าของ Nintendo Switch และต้องการเกมที่สามารถมอบความสุขให้กับทุกเพศทุกวัย นี่คือเกมที่คุณต้องมีติดเครื่องไว้ในคอลเลกชันอย่างแน่นอน
